มาทำความรู้จักกับคำว่า "เกย์" กันดีกว่า

First Post Last Post  
jackassman 03 สิงหาคม 2553 , 00:57:19
ตอนที่ 1 : ความหมายและประเภทของเกย์

เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า “เกย์” ก็คือกลุ่มคนรักร่วมเพศแบบผู้ชายกับผู้ชาย ซึ่งก็มีหลายประเภทแตกต่างกันออกไป

ใน ทางวิชาการหรือในหนังสือหลายเล่มนั้น จะแบ่งประเภทของเกย์ออกเป็นหลายประเภทมาก แต่ในที่นี้ผมขอแบ่งคร่าว ๆ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจดังนี้ครับ

1.ไบ หรือ ไบเซ็กชวล (Bisexual) คือกลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศทั้ง 2 แบบ คือชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จริง ๆ แล้วกลุ่มคนประเภทนี้ก็ อาจจะยังไม่ใช่เกย์เต็มตัว แต่นำมาแบ่งประเภทด้วยเพื่อเปรียบเทียบกับเกย์ประเภทอื่นต่อไป& nbsp;

2.เกย์คิง (King) คือ กลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมชอบเพศชายเหมือนกัน แต่ไม่มีลักษณะการแสดงออก รวมทั้งมีบทบาททางเพศอย่างผู้ชาย

3.โบ ท (Both) คือ กลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศก้ำกึ่งระหว่างเกย์คิงและเกย์ควีน อาจจะมีหรือไม่มีลักษณะการแสดงออก ถ้ามีลักษณะการแสดงออกก็จะเป็น “แอบ” อย่างที่คนทั่วไปเรียกกัน

4.เกย์ควีน (Queen) กะเทย หรือตุ๊ด คือกลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบผู้หญิง มีความรู้สึกชอบผู้ชายด้วยกัน มีลักษณะการแสดงออกอย่างชัดเจน รวมทั้งมีบทบาททางเพศแบบผู้หญิง

ตารางแสดงการเปรียบ เทียบลักษณะเกย์แต่ละประเภท

ไบ &nbs p; คิง &nb sp; &nb sp;โบท ควีน
ความเป็นผู้ชาย &nbs p; &nbs p; มาก & nbsp; & nbsp; ค่อนข้างมาก & nbsp; ปานกลาง ; ; น้อย
การแสดงออก &n bsp; &n bsp; สังเกตได้ยาก &n bsp; สังเกตได้ยาก สังเกตได้บ้าง ชัดเจน
สาเหตุหลักของรสนิยมทางเพศ ; สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม& nbsp; & nbsp; การเลี้ยงดู & nbsp; & nbsp; การเลี้ยงดู


ตอนที่ 2 : เป็นเกย์ดีอย่างไร...ทำไมชอบเป็นกันนัก

ผม กล้ายืนยันได้เลยครับว่า “ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นเกย์หรอกครับ” เพราะนอกจากจะถูกกดดันจากสังคมและครอบครัวแล้ว ยังดำเนินชีวิตได้ค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับบุคคลทั่วไป

“ไม่อยากเป็น แล้วเป็นทำไม ?” นี้แหละครับคือสิ่งที่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยและหาคำตอบมานาน อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลยครับ แม้แต่บุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบนี้ในหลายคน ก็อาจจะไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าเป็นทำไม เป็นได้อย่างไร นั้นเป็นเพราะส่วนใหญ่นั้น จะเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ได้มีคำว่า “อยากเป็น” แต่อย่างใด จึงไม่ทราบและไม่เข้าใจตัวเอง มักจะพบในเกย์เด็กหรือวัยรุ่น

การ ศึกษาสาเหตุการเกิดรสนิยมทางเพศแบบ นี้ จะทำให้คนที่ไม่ใช่เกย์ เข้าใจเกย์ และคนที่เป็นเกย์ได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นครับ รวมทั้งก่อให้เกิดการยอมรับความแตกต่างนี้ตามมา

สาเหตุของการมี รสนิยมทางเพศแบบนี้ เป็นที่ถกเถียงกันไม่มีที่สิ้นสุดครับ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ยังมึนเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะมีสาเหตุที่หลากหลายแล้ว ในบางกรณียังเกิดจากหลายสาเหตุรวมกันซะจนสับสนไปหมด ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ พอจะสรุปคร่าว ๆได้ดังนี้

1.บทบาทของพ่อแม่ที่ไม่สมดุลกันและการเลี้ยงดู

ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับค่อนข้างมากแล้วครับว่า สาเหตุส่วนใหญ่นั้นมาจาก “บทบาทของพ่อแม่ไม่สมดุลกัน” เกย์ราว ๆ 80%จะมีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดู มีข้อสังเกตที่ว่าคนที่เป็นเกย์นั้น มักจะมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งคำว่า “ไม่สมบูรณ์” นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นครอบครัวที่หย่าร้างกันนะครับ แต่หมายความว่าเป็นครอบครัวที่อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างขาดหรือเก ินไปเท่านั้นเอง เช่น

พ่อเข้มงวดและดุ จนไม่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับลูก ทำให้ลูกเลียนแบบบทบาทของผู้ชายจากพ่อได้ยาก ตอนเด็ก ๆ เคยมีใครที่มีความคิดอยากจะเป็นเหมือนพ่อไหมล่ะครับ เช่น ถ้าถามว่า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร แล้วได้คำตอบว่า “อยากเป็นนักธุรกิจเหมือนพ่อ” นั้นแหละครับ เป็นลักษณะเดียวกัน โดยธรรมชาติแล้ว เด็กจะมีการเลียนแบบบทบาททางเพศจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด ซึ่งนั้นก็หมายถึงพ่อ แม่ และบุคคลในครอบครัว หากการเลียนแบบนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ ลูกชายก็จะมีรสนิยมทางเพศแบบผู้ชายทั่วไป แต่ถ้าหากพ่อมีลักษณะที่เลียนแบบได้ยากแล้วนั้น ก็จะมีแนวโน้มที่จะมีรสนิยมที่แตกต่างจากนี้ได้

แม่มีบทบาทในครอบ ครัวค่อนข้างมาก กลบบทบาทของพ่อไป โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ชายมักจะมีบทบาททางสังคมและความเป็นผู้นำสูงกว่าผู้หญิง ดังนั้น แม่ที่มีบทบาทในครองครัวสูง หรือจ้ำจี้จ้ำไช ควบคุมพฤติกรรมและกำหนดอนาคตของลูกชายมาก ก็อาจจะทำให้บทบาทของพ่อและแม่ไม่สมดุลกัน ทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะมีรสนิยมทางเพศแบบเกย์ได้

ความห่างเหินจากพ่อ และความใกล้ชิดสนิทสนมจากแม่ นักจิตวิเคราะห์(นักจิตวิทยาสาขาหนึ่ง)เชื่อกันว่าอย่างนี้ครับ ซึ่งก็สอดคล้องกับสาเหตุที่ว่าบทบาทของพ่อแม่ไม่สมดุลกัน ในบางกรณีอาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น คุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเล็ก, ลูกชายคนเดียวท่ามกลางพี่น้องหรือสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญ ิง เป็นต้น

เกย์ ที่เกิดจากสาเหตุนี้ มักจะเป็นประเภท โบท หรือเกย์ควีนสักส่วนใหญ่ เพราะไม่สามารถเลียนแบบบทบาทเพศชายได้มากนัก และมักจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ตั้งแต่เด็กหรือเริ่มมีพัฒนาการทา งเพศในวัยรุ่นตอนต้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนรสนิยมให้ชอบผู้หญิงได้ยากกว่าเกย์ประเภทอื่น


2.สิ่งแวดล้อมและ ประสบการณ์

สาเหตุจากสิ่งแวดล้อมนั้นก็จะประกอบไปด้วยสาเหตุย่อย ๆ อีกร้อยสาเหตุเห็นจะได้ เช่น

การ เรียนในโรงเรียนชายล้วน ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่ทุกคนนะครับที่เรียนในโรงเรียนชายล้วนแล้ว จะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้เสมอไป มันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ต้องอาศัยปัจจัยอื่นประกอบ สมมติว่า ครอบครัวของเด็กคนหนึ่งมีลักษณะที่บทบาทของพ่อและแม่ไม่สมดุลกั นแล้ว ยิ่งได้มาเรียนในโรงเรียนชายล้วนด้วยแล้วก็จะมีส่วนให้มีรสนิยม ทางเพศแบบนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น นักจิตวิทยาอธิบายว่า เมื่อคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน ตามธรรมชาติมนุษย์นั้น คนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้นำ และอีกคนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ตาม ซึ่งตามหลักการนี้ จะมีผลทำให้เด็กผู้ชายที่เรียบร้อยกว่า หรือมีความเป็นผู้ตามมากกว่ามีรสนิยมทางเพศแบบนี้ได้ง่าย

ประสบการณ์ ทางเพศกับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน ตามปกติแล้ว พัฒนาการทางเพศในช่วงวัยรุ่นจะมีลักษณะหนึ่งก็คือสนใจที่จะเรีย นรู้เรื่องเพศ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดประสบการณ์ทางเพศกับเพศชายด้วยกัน และติดใจในประสบการณ์นั้น ๆ ก็เป็นได้ ทำให้มีรสนิยมหรือพึ่งพอใจในเพศชายไปโดยปริยาย ยิ่งถ้าเรียนอยู่ในโรงเรียนชายล้วนด้วยแล้ว โอกาสที่จะเกิดประสบการณ์ทางเพศกับเพื่อนผู้ชายจะยิ่งง่ายมากขึ ้น การถูกกระทำชำเราจากผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายก็มีส่วนที่จะให้เกิดร สนิยมทางเพศแบบนี้ได้เช่นกัน

เกย์ที่เกิดจากสาเหตุนี้ มักจะเป็นประเภทไบ หรือ เกย์คิง ซึ่งมีโอกาสในการรักษาให้มีรสนิยมชอบผู้หญิงได้ง่ายกว่าเกย์ประ เภทอื่น ในหลาย ๆ กรณีพบว่า มักจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ในช่วงวัยรุ่นหรือตอนโตขึ้นมาแล้ว

3.พันธุกรรมและพัฒนาการทางเพศ

เป็น ที่ตื่นตัวในวงการแพทย์เป็นอย่างยิ่งเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได ้ค้นพบ “ยีนเกย์” ขึ้น มีงานวิจัยซึ่งวิจัยในฝาแฝดแบบไข่ใบเดียว (ฝาแฝดที่มีหน้าตาและรหัสทางพันธุกรรมเหมือนกันทุกประการ) ที่เป็นเกย์ นักวิจัยพบว่า มียีนอยู่ตัวหนึ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุให้มีรสนิยมทางเพศแบบเกย์ ซึ่งค้นพบในฝาแฝดทั้งสอง มีชื่อว่า “Xq28” ชื่อนั้นบ่งบอกว่า ยีนนี้อยู่ในโครโมโซมX (โครโมโซมเพศชายจะมีทั้ง X และ Y แตกต่างจากเพศหญิงที่จะมีเพียงโครโมโซมXเพียงอย่างเดียว) ในตำแหน่งแขนสั้น หรือ q (ถ้าเป็นแขนยาวจะเป็นp) และในตำแหน่งที่ 28 ตามหน่วยการวัดทางวิทยาศาสตร์

นั้นก็หมายความว่า ยีนบางตัวอาจจะกำหนดลักษณะรสนิยมทางเพศแบบนี้อยู่แล้ว คือเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นคว้าต่อไป

นอกจากนี้ตาม พัฒนาการในวัยรุ่นแล้ว อาจจะมีบางช่วงที่จะรู้สึกชอบในเพศเดียวกันก็เป็นได้ ซึ่งเป็นลักษณะปกติ และจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งในวัยรุ่นเท่านั้น ในกรณีนี้ ไม่ใช่เกย์แต่อย่างใด


ตอนที่ 3 : น่ารังเกียจหรือน่าเห็นใจ

ใน ปัจจุบันนี้ ไม่มีจิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์ หรือนักวิชาการที่ไหนเขาบอกว่า “เกย์คือความผิดปกติทางเพศ” หรือ “เกย์คือความผิดปกติทางบุคลิกภาพ” จะเห็นได้ว่า ในบทความนี้ ไม่มีคำไหนที่บอกว่า เกย์คือความผิดปกติ แต่จะเรียกลักษณะนี้ว่า “รสนิยมทางเพศแบบหนึ่ง”

เมื่อหลายสิบปีมานี้ สมาคมจิตแพทย์แห่งอเมริกาได้ประกาศแล้วว่า “เกย์คือรสนิยมทางเพศแบบหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดปกติทางเพศแต่อย่างใด” รวมทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขของไทยก็ยืนยันเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่ผู้ชายบางคนที่ชอบผู้หญิงผมยาว ผู้ชายบางคนก็ชอบผู้หญิงผิวขาว นั้นก็เป็นเพราะรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกัน ถ้าหากเกย์คือความผิดปกติทางเพศแล้วล่ะก็ ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงผมยาวก็จะเป็นความผิดปกติทางเพศเช่นเดียวกั น

แต่ ที่หลาย ๆ คนที่รู้สึกว่าเกย์นั้นเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจนั้น ก็เพราะว่า เรารู้สึกว่าเขาแตกต่างจากเรา จึงรู้สึกว่าแปลกและตั้งข้อรังเกียจ นั้นเป็นเพราะเราไม่เข้าใจเขา อาจจะเป็นเพราะว่าความจริงเกี่ยวกับเกย์นี้ยังไม่ได้แพร่หลาย ทำให้หลาย ๆ คนยังมีความเชื่อที่ผิด ๆ กันอยู่ แต่ถ้าหากเราได้ศึกษาทำความเข้าใจกับสาเหตุและรสนิยมทางเพศของค นกลุ่มนี้แล้วนั้น จะทำให้เรารู้สึกยอมรับเขาได้มากขึ้น และการอยู่รวมกันในสังคมนั้นก็จะมีความปกติสุข

ดัง นั้น สังคมต้องหันมาทำความเข้าใจกันใหม่นะครับว่า เกย์นั้น สมควรที่จะเป็นที่น่ารังเกียจ หรือน่าเห็นใจกันแน่ โดยเริ่มจากตัวเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสังคมครับ ผมเชื่อว่าถ้าเราเข้าใจกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้สังคมมีความสุขมากขึ้นได้



เอามาจาก FW mail