(รีวิว) Zero Escape: Virtue's Last Reward

First Post Last Post  
limp2551 28 ตุลาคม 2555 , 16:01:10




Zero Escape: Virtue\\\'s Last Reward เป็นเกมที่ออกวางจำหน่ายทั้งเวอร์ชั่น 3ds และ vita ในส่วนของการรีวิวคราวนี้ผมเล่นเกมนี้บน 3ds นะครับ(โซน us) เนื่องจากเกมนี้เป็นมัลติแพลตฟอร์มเพราะงั้นภาพ 3D ในเกมมันจึงดูซ้อนเป็นชั้น เน้นมองดูลึกลงไป ไม่นูนลอยออกมา เครคิตเรื่องภาพในเกมนี้ต้องบอกว่า “ไม่สวย” เมื่อเทียบกับมาตรฐานเกมของแฮนด์เฮลด์ยุคนี้ แต่เชื่อไหมครับว่าในต่างประเทศเกมนี้กลับได้คะแนนสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ (คะแนนเฉลี่ยสูงกว่า 90%) อีกทั้งตัวเกมยังติดเรต M (รุนแรง) อีกด้วย แต่ว่า.. มันจะสนุกเหมือนอย่างคะแนนรีวิวสำนักต่างประเทศทั้งหลายจริงหรือ ? มาดูกันครับ






Zero Escape: Virtue\\\'s Last Reward เริ่มเกมขึ้นมาจู่ๆตัวเราก็ถูกขังอยู่ในลีฟต์ หลังจากมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดูเหมือนว่าในลีฟต์จะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งติดค้างอยู่ด้วย น่าแปลกที่ระหว่างพูดคุยกับเธอ เธอกลับรู้ว่าตัวเราชื่อว่า Sigma อีกทั้งที่ข้อมือของทั้งคู่ก็มีนาฬิการูปร่างแปลกๆสวมอยู่ ยังไม่ทันที่จะจับต้นชนปลายอะไรที่จอมอนิเตอร์ของลิฟต์ก็มี “กระต่าย” บอกว่าพวกเรากำลังเล่นเกมกันอยู่ ... หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นแล้วครับว่าอยากจะดำเนินเนื้อเรื่องไปในรูปแบบใด การตัดสินใจต่างๆจะมีผลกับเนื้อเรื่องของเกมในตอนท้าย ซึ่งเกมนี้มีฉากจบมากถึง 24 รูปแบบ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเกมนี้เป็นเสมือนนวนิยาย (ไม่ใช่การ์ตูนอนิเมชั่นนะครับ) เพราะงั้นเนื้อเรื่องต่างๆในเกมจึงมาจากบทสนทนาของตัวละครแต่ละตัว แม้จะมีเสียงพากษ์ตัวละครทุกตัวแต่ก็น่าเสียดายที่เสียงของตัวเอก (ตัวเรา) กลับไม่มีซะงั้น รวมถึงเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเครียด ทำให้คนที่คิดจะเล่นเกมแอดเวนเจอร์แนวนี้อาจจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษสักหน่อย เพราะตัวละครแต่ละตัวพูดคุยกันยาวมาก เหมือนกำลังอ่านนวนิยายกันอยู่ยังไงอย่างนั้นเลยทีเดียว






หลังจากจบส่วนเนื้อเรื่องก็จะมาถึงส่วนเกมเพลย์ ตัวเอก(ตัวเรา)จะต้องไขปริศนาในฉากซึ่งค่อนข้างซับซ้อนมาก ความรู้สึกขณะเล่นเกมคล้ายกับตัวเรากำลังอยู่ในเหตุการณ์จริงเพื่อเอาตัวรอด รูปแบบเกมเพลย์เป็นเหมือน “เกมทัชจับผิดรูปภาพ” แต่ว่าซับซ้อนกว่านั้น การพบอุปกรณ์สำคัญอาจยังใช้งานไม่ได้ถ้าไม่นำมาดัดแปลงเป็นวัตถุชิ้นใหม่ การพบปริศนาที่น่าสงสัยแล้วต้องตีความรหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ใน “ห้อง” นั้น รวมถึงพัซเซิ้ลมินิเกมในบางสถานการณ์ บ่อยครั้งที่อาจทำให้ผู้เล่นเครียดและเผาเวลาไปกับการลองผิดลองถูก แม้ระบบเซฟเกมจะทำได้ทุกที แต่เพราะเกมอนุญาตให้เซฟเพียงช่องเดียว นั่นทำให้การแก้ปริศนาใน “ห้องที่คุณเลือก” เมื่อเล่นไม่ผ่าน เซฟกลับมามันก็เล่นต่อจากเดิมพอดี ถ้ายังไม่ผ่านอีกก็คงค้างเติ่งต่อไปจนกว่าจะหาทางออกได้ (แนะนำให้เซฟตอนเนื้อเรื่องจะดีกว่า หากบางห้องทริคยากมาก จะได้ “ย้อนกลับ” ไปเลือกห้องอื่นแทน) แม้เกมจะมีโหมด Easy ให้ปรับ แต่นั่นก็คือการเพิ่มคำใบ้จากบทสนทนาของตัวละคร ไม่ได้ทำให้ปริศนาคลี่คลายลงแต่อย่างใด (ปกติเริ่มเกมจะเป็น Hard ถ้าแก้ไม่ไหวจริงๆสามารถเพิ่มคำใบ้โดยปรับเป็น Easy ได้ แต่ว่าเมื่อปรับแล้วจะเปลี่ยนกลับมาเป็น Hard อีกไม่ได้ จนกว่าจะออกจากห้องนั้น เมื่อไปห้องต่อไปเกมจะเริ่มที่ Hard อีกครั้ง เป็นอย่างนี้ไปตลอดทั้งเกมในส่วนเกมเพลย์แก้ปริศนาในห้อง) ระหว่างที่เล่นเกมอาจจะมีให้ตัดสินใจว่าจะ “ร่วมมือ” กับเพื่อนพ้องหรือว่าจะ “หักหลัง” ซึ่งจะมีผลกับฉากจบในตอนท้าย ทำให้เกมนี้สามารถกลับมาเล่นใน “ทางเลือก” อื่นได้เรื่อยๆ แต่นั่นก็คือคุณต้องชอบเกมเพลย์แนวพัซเซิ่ลที่กดดันแบบนี้






คนที่ชอบเกมนี้ น่าจะเป็นคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้ เกมจำลองเหตุการณ์ให้ผู้เล่นได้ตัดสินใจด้วยตนเอง มีปริศนาที่ท้าทาย (สามารถปรับเสียงพากษ์ได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น แต่ตัวหนังสือในเกมเป็นภาษาอังกฤษ) ส่วนคนที่ไม่ชอบเกมนี้ น่าจะเพราะไม่ชอบเกมเพลย์แนวพัซเซิ่ล ไม่ชอบการพูดคุยในเกมแบบคุยกันทียาวๆ อยากดูอนิเมชั่นภาพสวยๆ เพราะงั้นกระแสเกมนี้ในไทยผมเดาว่าน่าจะเป็นแบบหลังล่ะครับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราไม่ใช่เจ้าของภาษาทำให้เกมที่มีเนื้อเรื่องดี มีทางเลือกให้ตัดสินใจมากมาย และเป็นเกมที่ “คะแนนรีวิวสูงมาก” แต่ก็อาจจะไม่เหมาะกับเกมเมอร์ชาวไทยส่วนใหญ่





สำหรับคนที่ชอบแนวพัซเซิ่ลจำลองสถานการณ์ให้ตัดสินใจแบบนี้ ใน 3ds ผมนึกถึงเกม James Noir s Hollywood Crimes ขึ้นมาเลยครับ ถ้าชอบแนวนี้ผมว่าน่าจะลองหาเกมทั้งคู่มาเล่นดูนะครับ ส่วนคนที่ไม่ชอบเกมเพลย์แบบนี้ก็ข้ามมันไปเถอะครับ


รีวิวโดย limp2551






ล่าสุดเกมนี้ได้เป็นเกมแฮนด์เฮลด์ที่ดีที่สุดของปี 2012 ครับ

อ้างอิง http://asia.gamespot.com/best-of-2012/platform-awards/index.html?page=7